เขียน dissertation ป.เอก/โท/ตรี จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักศึกษา อาจารย์และคน รับทำ dissertation

เขียน dissertation ป.เอก/โท/ตรี จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักศึกษา อาจารย์และคน รับทำ dissertation

การเขียน dissertation เป็นเหมือนการทำรายงานวิจัยเล่มใหญ่ เล่มหนึ่งที่ซับซ้อนที่สุดที่นักศึกษาจะได้ทำก่อนจะเรียนจบ การเขียน dissertation ป.โทและเอก ประกอบด้วย 8 ส่วนประกอบหลัก คือ

บทที่ 1 : บทนำ (Introduction)

ในการเขียน dissertation บทนี้จะเป็นการอธิบายที่มาที่ไปของหัวข้อที่เลือก ความสำคัญของการทำ dissertation กรอบแนวคิด และประโยชน์ของการทำวิจัยเล่มนี้ -- บทนี้ถือว่าเป็นบทชี้ชะตาว่าจะได้คะแนนดีหรือไม่ดีบทหนึ่ง เพราะถ้าผู้ตรวจงานอ่านบทนี้แล้วเข้าใจง่ายว่า ผู้เขียน dissertation ต้องการจะทำอะไร เป้าหมายคืออะไร ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ มีข้อมูลสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน ก็จะทำให้ผู้ตรวจงานมีมุมมองความเห็นที่ดีกับงาน dissertation เล่มนี้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ตรวจงานอ่านไม่รู้เรื่องตั้งแต่บทแรก ก็อาจจะเกิดความหงุดหงิด และไม่อยากจะอ่านในบทถัดไป เพราะฉะนั้น การเขียน dissertation โดยนักศึกษา และ ผู้รับทำ dissertation ไม่ควรจะมองข้ามความสำคัญของบทนี้

บทนำ (Introduction), วิทยานิพนธ์ ภาษาอังกฤษ

บทที่ 2 : การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review)

บทนี้ถือเป็นบทปราบเซียนบทหนึ่ง ของทั้งนักศึกษา อาจารย์ และ อดีตผู้รับทำ dissertation อย่างเรา ไม่ใช่เพราะมันยากเกินความสามารถแต่ละท่านนะคับ แต่ว่าบทนี้ คนเขียน dissertation จะต้องยอมเสียเวลาเยอะในการหาข้อมูล ยอมปวดตาอ่าน และวิเคราะห์ว่าข้อมูลไหนใช้ได้หรือไม่ได้ แล้วก็ตกผลึก เพื่อเรียบเรียงข้อมูลนั้นๆ จากทั้งงาน dissertation และงานวิจัยเก่าๆที่เกี่ยวข้องกับ หัวข้อ dissertation เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรู้ที่มีอยู่และช่องว่างที่ต้องการวิจัยเพิ่มเติม เช่น ณ ปัจจุบันงานวิจัยเรื่อง AI ในกลุ่มผู้บริโภค ถึงแม้จะมีอยู่แพร่หลาย แต่การวิจัยในกลุ่มนักศึกษาในเมืองไทยมีอยู่น้อยมาก ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่นักศึกษาสามารถนำมาทำวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ได้ จากประสบการณ์ของเรา คนรับทำ dissertation ที่ไม่มีความรู้มักจะคัดลอกบทความจากงานวิจัยคนอื่นมาใส่งานวิจัยของนักศึกษา หรือใช้ AI ช่วย ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่ต่อเนื่อง และไม่เหมือนคนเขียนจริง ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ณ ตอนนี้มีโปรแกรมที่สามารถตรวจจับทั้งการคัดลอกงาน และภาษาเขียนของ A ซึ่งถ้านักศึกษาจะ จ้างเขียน dissertation ต้องมีการตรวจเช็คให้ดีก่อนส่งงานนะคับ

การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review), วิทยานิพนธ์ ภาษาอังกฤษ

บทที่ 3 : เครื่องมือในการทำ dissertation (Methodology)

บทที่ 3 นี้ อธิบายวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของงาน dissertation เล่มนั้นๆ เช่น การสำรวจ การสัมภาษณ์ การทดลอง กลุ่มเป้าหมาย และที่สำคัญ เหตุผลที่เลือกใช้วิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เหตุผลในการเลือกว่าจะใช้บทสัมภาษณ์ หรือแบบสอบถามในการเก็บข้อมูล? ทำไมถึงเลือกกลุ่มเป้าหมายนี้? จำนวนกลุ่มเป้าหมายต้องเท่าไหร่ถึงจะพอ? และทำไมถึงใช้เครื่องมืออันนี้ใน SPSS เพื่อจะวิเคราะห์ข้อมูล?  สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักศึกษาได้คะแนนดีขึ้น เพราะทำให้ผู้อ่านทราบถึงกระบวนการในการได้ข้อมูลมาสนับสนุนคำตอบใน การเขียน dissertation โดยเฉพาะ การเขียน dissertation ระดับปริญญาเอก ที่ต้องแสดงเหตุและผลในทุกขั้นตอนของการทำ dissertation *Research Onion by Saunders et al. คือหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ดี ที่ทั้งนักศึกษา และคนรับทำ dissertation สามารถอ่านเพิ่มเติมเวลาทำ research methodology ได้ เพราะอธิบายค่อนข้างชัดเจน ไม่ซับซ้อน และเข้าใจง่าย

เครื่องมือในการทำ dissertation (Methodology) ภาษาอังกฤษ, สอน Dissertationรับปรึกษาวิทยานิพนธ์ ภาษาอังกฤษ, สอน Dissertation

บทที่ 4 : ผลการวิจัย (Results)

บทนี้ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาเอง หรือผู้รับทำ dissertation จะต้องวางลำดับการนำเสนอข้อมูลให้ถูกต้อง โดยหลักการพื้นฐานมีอยู่ว่า ข้อมูลที่สำคัญมาก หรือข้อมูลที่เป็นพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง (เช่น กลุ่มตัวอย่างคือใคร ชายหรือหญิง อายุและการศึกษาส่วนใหญ่เท่าไหร่) ควรจะนำมาเสนอก่อน เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบว่า ข้อมูลที่จะนำเสนอในส่วนต่อไป เป็นของคนกลุ่มไหน แนวโน้มน่าจะเป็นยังไง และจุดสำคัญอีกประเด็นคือ ต้องมีการนำเสนอผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัย โดยใช้ตาราง กราฟ หรือแผนภูมิเพื่อช่วยผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ไม่ใช่มีแต่ตัวหนังสือ หรือนำเสนอผลทางสถิติที่อ่านเข้าใจยากและไม่จำเป็น ซึ่งจะทำให้ทั้งนักศึกษาเอง และผู้รับทำ dissertation เกิดความสับสนในการอธิบายต่อให้ผู้อื่นฟัง

บทที่ 4 : ผลการวิจัย (Results), สอน Dissertation

บทที่ 5 : การอภิปรายผลวิจัย (Discussion)

หลังจากแจงผลการเก็บข้อมูลแล้ว คนเขียน dissertation จะต้องมาอภิปรายผล โดยความสำคัญในบทนี้อยู่ที่ การจัดเรียงข้อมูลให้อ่านง่าย มีการโต้แย้ง และมีเนื้อหาเข้มข้นได้ประโยชน์กับผู้อ่านจริงๆ ไม่ใช่มีแต่น้ำจิ้ม นักศึกษาสามารถทำได้โดยการแบ่งข้อมูลเป็นธีมหรือเรื่องที่จะอภิปรายก่อนที่จะเขียน ปรกติแล้วจะเรียงลำดับธีมที่สำคัญหรือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงาน dissertation มากที่สุดก่อน เพราะธรรมชาติผู้อ่านต้องการเข้าถึงประเด็นที่สำคัญเลย ประเด็นนี้นักศึกษา และผู้รับเขียน dissertation ควรจะคำนึงถึงด้วย และอีกเรื่องที่ขาดไม่ได้คือ การเปรียบเทียบผลการวิจัยของงาน dissertation เล่มนี้ กับงานวิจัยก่อนหน้าที่ได้รวบรวมมาว่า เหมือนหรือต่างกัน? เหมือนกันเพราะอะไร? ต่างกันเพราะอะไร? อะไรทำให้เกิดความต่างกัน? เช่นกลุ่มอายุ เพศ หรือระดับการศึกษาของกลุ่มตัวอย่าง  -- สองประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ OneDisser อยากจะเตือนทั้งนักศึกษา อาจารย์ และผู้ที่รับเขียน dissertation ไม่ให้ละเลย เพื่อให้งาน dissertation ออกมาดีที่สุด และได้คะแนนดีที่สุดด้วย

บทที่ 5 : การอภิปรายผลวิจัย (Discussion), สอน Dissertation

บทที่ 6 : บทสรุป (Conclusion & Recommendation)

ในบทสุดท้ายของการทำ dissertation ปริญญาเอก/โท นี้ จะเป็นการสรุปผลการวิจัยและให้ข้อเสนอแนะสำหรับการเขียน dissertation ในอนาคต โดยเทคนิคสำคัญอยู่ที่ นักศึกษา และผู้รับทำ dissertation จะทำอย่างไรให้ผลของงานวิจัยเล่มนี้สามารถตอบคำถาม และวัตถุประสงค์ของ dissertation เล่มนี้ได้ โดยจะต้องเขียนอธิบายถึงเหตุผลที่สามารถสนับสนุนคำตอบนั้นๆได้ด้วย ในส่วนของข้อเสนอแนะจะมีอยู่สองเรื่องหลัก คือ ข้อเสนอแนะสำหรับงาน dissertation เล่มนี้ และสำหรับ dissertation ในอนาคต โดยข้อเสนอแนะสำหรับงาน dissertation เล่มต่อๆไป จะต้องสอดคล้องกับการอธิบายข้อจำกัดของงาน dissertation เล่มนี้ด้วย  เช่น งานเขียน dissertation เล่มนี้มีข้อจำกัดคือ เก็บข้อมูลพฤติกรรมการซื้อมือถือจากกลุ่มนักศึกษาเพียงสองมหาวิทยาลัยในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งผลจากการวิจัยนักศึกษาในเมืองกรุงเทพ อาจจะแตกต่างกัน เพราะวัฒนธรรมต่างกัน จากประสบการณ์ของ OneDisser เราเห็นทั้งนักศึกษาปริญญาโทและเอก และผู้รับทำ dissertation หลายท่านลืมให้ความสำคัญกับบทนี้เพราะเห็นว่าเป็นบทสุดท้ายแล้วอยากจะรีบทำให้จบ เลยทำให้ได้คะแนนออกมาไม่ดี ก็เลยอยากจะฝากไว้คับ

บทที่ 6 : บทสรุป (Conclusion & Recommendation), สอน Dissertation

7. การอ้างอิง (References)

ส่วนประกอบที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของการที่จะได้คะแนนดีในการเขียน dissertation ทั้งปริญญาเอก และโท คือ ความเกี่ยวข้อง และชัดเจนของอ้างอิงที่ใช้ในงานนั้นๆ ส่วนนี้จะแสดงการรวบรวมแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยและ เขียน dissertation ฉบับเต็ม ซึ่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิงใน การเขียน dissertationไม่ควรเก่าเกิน 5 ปี และการแจงอ้างอิงในส่วนนี้ก็จะต้องเรียงลำดับ a-z และอาจจะแยกประเภทของข้อมูลที่ใช้เพื่อให้อาจารย์ท่านที่ให้คะแนนอ่านง่าย โดยการเขียน dissertation ของประเทศอังกฤษ จะเน้นรูปแบบการอ้างอิงแบบ Harvard style แต่ก็มีบางมหาวิทยาลัยใช้อ้างอิงแบบ APA style ซึ่งเป็นแนวอเมริกา ซึ่งในโปรแกรม Microsoft Word มีเครื่องมือช่วยในการทำอ้างอิงสไตล์ต่างๆ ด้วย

7. การอ้างอิง (References) , สอน Dissertation

8. ภาคผนวก (Appendices)

ส่วนสุดท้ายของ การเขียน dissertation เอกและโท นี้ คือภาคผนวก หรือการแจกแจงข้อมูลเพิ่มเติมที่สนับสนุนการทำ dissertation ที่ไม่ได้แสดงในเนื้อหางาน dissertation เช่น ตัวอย่างแบบสอบถาม หรือบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม เพื่อผู้ที่สนใจเพิ่มเติมในรายละเอียดสามารถเข้าไปสืบค้นได้ นักศึกษาทั้งที่ทำ dissertation เอง และนักเขียนที่รับทำ dissertation มักจะลืมใส่ข้อมูลส่วนนี้เพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ที่จริงมีส่วนช่วยให้ได้คะแนนเพิ่มคับ และอาจจะเป็นคะแนนช่วยให้ได้เกรดดีด้วย

ภาคผนวก (Appendices), สอน Dissertation

พร้อมที่จะเริ่มต้นหรือยัง? เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.onedisser.com/ วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาและปลดล็อกศักยภาพงานวิจัยของคุณไปกับทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา!

🔗 หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและแนะนำการใช้บริการ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ onedisser.com เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ติดต่อเราได้ที่!